ศัลยกรรมผ่าตัดเสริมหน้าอก (Breast augmentation)

การเสริมหน้าอก คือสิ่งที่ปรารถนาของสตรี นอกจากใบหน้าที่งดงาม มีเสน่ห์แล้ว เรือนร่างที่ได้รูปสวยงาม ก็เป็นที่ใฝ่ฝันของสตรี เกือบทุกคน แม้แต่ผู้ใกล้ชิด ก็ปรารถนาเช่นกัน ส่วนหนึ่งของเรือนร่าง ที่สวยงาม ชวนมองที่สุด ได้แก่ ทรวงอกที่งดงาม ได้รูป ไม่หย่อนคล้อย ขนาดเหมาะ แต่ธรรมชาติก็ไม่ได้ให้ความงามแก่สตรีครบทุกส่วน บางรายจึงอาจมี ทรวงอกที่ไม่เป็นที่พึงพอใจในตัวเอง ต่างกับผู้ที่ ธรรมชาติให้ความงาม มาครบถ้วน เป็นที่ต้องตาต้องใจแก่เจ้าของ และผู้พบเห็น

ปัจจุบันนี้วิธีการเพิ่มขนาดหน้าอกที่เป็นที่ยอมรับกันและมีผลข้างเคียงน้อยก็คือการเสริมหน้าอกด้วยถุงนมเทียม หรือที่เรียกว่าเสริมหน้าอกด้วยถุงซิลิโคน การผ่าตัดใส่ถุงซิลิโคน ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าซิลิโคนเมื่อใส่ในร่างกายจะไม่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ถุงซิลิโคนสามารถอยู่ในคนเราได้ตลอดชีวิต ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ถุงซิลิโคนรั่วหรือเกิดพังผืดที่มีมากเกินไป นอกจากการเสริมหน้าอกโดยใช้ถุงซิลิโคน ยังมีการเสริมหน้าอกโดยการฉีดไขมันโดยการดูดไขมันมาจากหน้าท้อง และต้นขา การเสริมโดยฉีดไขมันมีข้อดี คือ ไม่มีสิ่งแปลกปลอม แต่เนื่องจาก เทคนิคการผ่าตัดจำเป็นต้องทำ 2-3 ครั้ง ใช้เวลานานกว่าและบางครั้งรูปทรงอาจไม่ได้ตามที่ต้องการ จึงไม่เป็นที่นิยม

ถุงซิลิโคนมีการใช้ในประเทศไทย ปัจจุบันยังนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด โดยมาจากประเทศจีน,บราซิล, ฝรั่งเศส, อเมริกา โดยชนิดที่นำเข้าโดยถูกต้อง ได้แก่ Mentor, Meghan, Eurosilicone, Silimed และ PIP ถุงเต้านมเทียมทุกชนิดจะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นเปลือกถุงและสารที่บรรจุภายในส่วนของเปลือกถุงจะเป็นสารที่ทำจากซิลิโคน โดยที่แต่ละชนิดจะบรรจุสารที่อยู่ภายต่างๆ กัน ได้แก่ น้ำเกลือ, ซิลิโคนเจล, ไฮโดรเจล

น้ำเกลือ (Saline filled breast implant) ถุงเต้านมที่บรรจุน้ำเกลือ

ข้อเสีย

1. มักเกิดปัญหาเต้านมรั่วและแฟบได้บ่อยกว่าถุงเจล แต่ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำเกลือได้โดยไม่เป็นอันตราย ปัญหาที่เกิดขึ้นคือหน้าอกจะแฟบลงหลังการรั่วซึม ทำให้ต้องแก้ไขโดยการผ่าตัดใหม่
2. คลำได้รอยย่นของถุง เป็นเพราะน้ำเกลือซึ่งสั่นไหวไปมาภายในถุง ทำให้ผิวหนังด้านล่างเกิดรอยย่น และมักเกิดกับผู้หญิงผอมบาง
3. กระเพื่อม ได้ยินเสียงหรือรู้สึกว่าเต้านมกำลังกระเพื่อมโดยเฉพาะถ้าขณะผ่าตัดแล้วไล่อากาศไม่ดี โดยที่คนอื่นไม่รู้เรื่องด้วย ซึ่งอาการนี้จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง
4. ความนิ่มไม่เหมือนกับเนื้อเต้านมทำให้ไม่เป็นธรรมชาติ

ข้อดี

1. ภายในบรรจุน้ำเกลือไม่เป็นสิ่งแปลกปลอม ถ้ามีการรั่วร่างกายจะดูดซึมได้โดยไม่เกิดอันตราย
2. ระหว่างผ่าตัด ถ้าถุงมีขนาดเล็กกว่าที่ควร สามารถเติมน้ำเกลือเพิ่มได้ ทำให้สามารถปรับขนาดให้เพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย

ซิลิโคนเหลว (Silicone gel filled breast implant)

ข้อเสีย

1. ภายในบรรจุซิลิโคนเจลซึ่งเป็นสารแปลกปลอม
2. ขนาดของถุงเต้านมจะมีขนาดเฉพาะ ถ้าต้องการเพิ่ม ลดขนาด จะต้องเปลี่ยนถุงใหม่
3. แผลผ่าตัดจะใหญ่กว่าถุงเต้านมแบบน้ำเกลือ

ข้อดี

1. ไม่มีปัญหาเรื่องการแฟบลงของเต้านมหลังการผ่าตัด
2. เวลาสัมผัสให้ความรู้สึกเหมือนเป็นธรรมชาติ
3. ปัญหาของการย่นหรือยับของถุงคลำได้ยากกว่า

ลักษณะทั่วไปของซิลิโคน

1. ขนาดของถุงโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับบริษัทที่ผลิต จะมีขนาดตั้งแต่ 100 cc. – 800 cc. ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ป่วย
2. ทรงสูง (High Profile) สำหรับผู้ที่ต้องการหน้าอกมีทรงสูงมากขึ้นกว่าทรงธรรมชาติ
3. ทรงรีเป็นรูปวงรี (Contour Profile) หลังจากเสริมจะมีรูปร่างเหมือนหน้าอกธรรมชาติ โดยมีเนินอกทางด้านข้างเพิ่มขึ้น

ลักษณะแผลผ่าตัด

เทคนิคที่ 1 แผลซ่อนในรอยพับของรักแร้ (2 – 3 เซนติเมตร) เป็นเทคนิคที่นิยมทำมากที่สุด เพราะแผลเป็นถูกซ่อนไว้ในร่องรักแร้ (ARMPIT)
เทคนิคที่ 2 แผลขนานขอบปานนม (3 เซนติเมตร) สามารถทำได้เฉพาะผู้ที่มีปานนมใหญ่เพียงพอที่จะใส่ถุงเต้านมได้
เทคนิคที่ 3 แผลใต้ราวนม (3 – 4 เซนติเมตร) ซ่อนในขอบล่างของบรา เป็นแผลผ่าตัดที่อยู่ใต้ขอบของราวนม การใช้วิธีนี้สามารถจัดตำแหน่งและทรงของเต้านมเทียมได้ดี แต่มีข้อเสีย คือ แผลเป็นจะเห็นชัดโดยเฉพาะเวลานอน
เทคนิคที่ 4 แผลทางสะดือ วิธีนี้ใช้ได้เฉพาะถุงน้ำเกลือ โดยการผ่าตัดโดยใช้กล้อง
เทคนิคที่ 5 ผ่านทางแผลผ่าตัดไขมันหน้าท้อง (Liposuction) ใช้ได้เฉพาะเทคนิคเสริมหน้าอกแบบเหนือกล้ามเนื้อ โดยขณะที่ทำการผ่าตัดไขมันหน้าท้อง จะเปิดช่องเล็กๆ แล้วใส่ถุงเต้านมเทียมโดยผ่านแผลภายใน วิธีนี้สามารถใส่ได้เฉพาะถุงเต้านมที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากคลินิกหมอศุภชัย